วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

หนีเที่ยว Cardiff.....The capital of Wales!


"Croeso I Crmru"; Welcome to Wales 




สวัสดีค่ะ คราวนี้ Bkcrazytravel
จะพามาเที่ยวเมือง Cardiff เมืองหลวงแห่งกรุงเวลส์ค่ะ..Wales เป็นประเทศหนึ่งใน 4 ประเทศที่รวมตัวกันเป็นสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึง ประเทศอังกฤษ(England) ประเทศเวลส์(Wales) และ ประเทศสก๊อตแลนด์(Scotland) ....เวลส์ตั้งอยู่ทางตะวันตกของอังกฤษ ถ้านั่งรถไฟมาเราก็จะลอดอุโมงค์ใต้น้ำผ่านช่องแคบบริสตอลขึ้นมาถึงเมืองคาร์ดิฟฟ์ค่ะ..แต่เนื่องจากเวลส์เป็นส่วนหนึ่งของ UK เราสามารถมาเที่ยวประเทศนี้ได้ง่ายมากด้วยวีซ่าที่ทำมา แม้ว่าเวลส์จะอยู่ในเครือจักรภพแต่พอมาจริงๆเราจะดูออกเลยว่าใครเป็นคนอังกฤษใครคนเวลส์ ทั้งลักษณะท่าทาง การออกเสียงและสำเนียงภาษาจะแตกต่างกันมากเลยค่ะ.. 

เรามาดูประวัติของประเทศเวลส์กันดีกว่าค่ะ

ประเทศเวลส์เคยถูกปกครองโดยเจ้าชายแห่งเวลส์ มีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองคาร์นาร์วอน แต่ต่อมาในปี ค.. 1282 King Edward I แห่งอังกฤษได้บุกเวลส์และสุดท้ายเวลส์ก็ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร และได้มีการย้ายเมืองหลวงของเวลส์มาอยู่ที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ในปี ค.ศ. 1955 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองคาร์ดิฟฟ์มีไม่มากเมื่อเทียบกับเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ แต่ถ้าใครชอบแบบเที่ยวด้วย อิ่มด้วยแนะนำอ่าวคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff Bay)เลยค่ะ....

 เวลส์เป็นที่ตั้งของเส้นแบ่งเขตเวลาของโลก (GMT - Greenwich Mean Time) ดังนั้นประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก จึงมีเวลาที่เร็วกว่า โดยเร็วกว่าประมาณ 6 ชั่วโมง (ในช่วง มีนาคม - ตุลาคม) หรือ 7 ชั่วโมง (ในช่วง ตุลาคม - มีนาคม)



ทั้งนี้เนื่องจากสหราชอาณาจักร จะเปลี่ยนเวลา daylight saving จาก GMT ไปใช้ BST ( British Summer Time) ในช่วงฤดูร้อนซึ่งหมายถึงการปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง ในช่วงปลาย เดือนมีนาคม - ตุลาคม

 การเดินทางจาก Wrexham ไป Cardiff

ถ้าใครได้อ่านบล๊อคที่ผ่านของเรา ก็จะรู้ว่าเราทำไมเราถึงเริ่มต้นการเดินทางจาก Wrexham :)

เราเลือกเดินทางด้วยรถไฟ Railway ค่ะ ถึงแม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่เนื่องจากเราต้องการซื้อเวลาค่ะ และอีกอย่างรถไฟที่อังกฤษสะอาด ปลอดภัย และสะดวกที่สุดค่ะ 

 เส้นทางเดินรถไฟสายหลักจะเริ่มจากกรุงลอนดอน และ เชื่อมต่อไปถึงเมืองใหญ่ ๆ รวมทั้งเมืองเล็ก ๆ บางแห่ง การให้บริการแม่นยำตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเป๊ะมากค่ะ!! ทำให้การเดินทางไปยัง จุดหมายปลายทาง เป็นไปตามเวลานัดหมาย!!

นักเรียนนักศึกษามีสิทธิ์ขอทำบัตร Rail Card ประเภทนักเรียนเพื่อรับส่วนลด ขอใบสมัครได้จากสถานีรถไฟในเมืองใหญ่ ๆ ได้เลยค่ะ

เราใช้เวลาในการเดินทางในครั้งนี้ประมาณเกือบๆ 3 ชั่วโมงค่ะ ถือว่าไกลพอสมควรค่ะ


 ค่าตั๋วรถไฟประมาณ 20 ปอนด์ค่ะ แต่เรานึกขึ้นได้ว่า อ้อ!! เราเป็นนักเรียนนี่หว่าา! เราเลยขอซื้อตั๋วราคานักเรียนค่ะ ตั๋วราคานักเรียนจาก Wrexham to Cardiff เที่ยวละประมาณ 13 ปอนด์ค่ะ (ุ650 บาท) รวมไปกลับก็ประมาณ 26 ปอนด์ค่ะ (1300 บาท) ปล.ราคาตั๋วจะแพงจะถูกขึ้นอยู่กับเวลาที่เราเดินทางนะค่ะ

 ถึงแล้ววววว Cardiff 

นั่งรถไฟมาถึงคาร์ดิฟฟ์ราวๆ 9.30 น. พอลงรถไฟมาปุ๊ปก็ตะลึงและตื่นเต้นนิดหน่อยกับป้ายที่มีแต่ภาษาเวลส์ค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะค่ะ ทุกๆป้ายที่มีภาษาเวลส์ก็จะมีภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วยค่ะ


 

บรรยากาศด้านหน้าสถานีรถไฟค่ะ

    เมื่อมาถึงคาร์ดิฟฟ์แล้วไม่ต้องกลัวหลงนะค่ะ ให้โหลดแผนที่เมืองเวลล์ได้จากเว็ปนี้เลยค่ะ http://www.visitcardiff.com/gettinghereandaround/maps/ 

 

เมื่อเดินออกมาจากสถานีรถไฟแล้ว เราจะเจอตึกขนาดใหญ่(ตึกอะไรสักอย่าง) ให้เราข้ามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อที่จะเดินไปตัวเมืองคาร์ดิฟฟ์ค่ะ

 

  เมื่อเราเลี้ยวซ้ายมาแล้ว ให้เราเดินมาเลื่อยๆค่ะ ประมาณ 1-2 กม. เราจะผ่านสำนักงานต่างๆมากมาย 

(เวลาเดินให้เรานึกไว้ว่าเรามาเดินดูสถาปัตยกรรมค่ะ จะได้ดูไม่ไกลค่ะ)

หลังจากที่เราเดินมาได้ประมาณ 2 กม. แล้ว! เราจะพบกับสนาม ''มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม'' 

 ''มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม'' สนามหรูหราในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ขนาดความจุกว่า 7 หมื่น เป็นสนามกีฬาแห่งชาติของเวลส์ และบ้านของรักบี้ทีมชาติเวลส์ ผ่านการจัดรักบี้, ฟุตบอล, แข่งรถ, มวยสากล และคอนเสิร์ตใหญ่นับไม่ถ้วน นับตั้งแต่เปิดใช้งานใหม่ในช่วงต้นทศวรรษปี 2000

 


 เราตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปข้างในสนามเราเสียเวลากับการชมเมืองมามากพอแล้ว แล้วบวกกับเราไม่ได้ชอบทีมนี้เป็นการส่วนตัว เราเลยตัดสินใจมุ่งหน้าสู่  CARDIFF CASTLE




 Cardiff Castle

 เดินไปไม่กี่นาทีจาก มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม ค่ะ ปราสาทที่นี่เสียค่าเข้าชม 12 ปอนด์ ถ้าเป็นนักเรียนก็ลดเหลือ 10.50 ปอนด์

   ปราสาทคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff Castle) ตั้งอยู่ในแคว้นเวลส์ สร้างขึ้นโดยชาวนอร์มันเมื่อปี ค.ศ. 1091 ในบริเวณป้อมปราการของโรมันซึ่งยังปรากฏซากปรักหักพังให้เห็นอยู่จนปัจจุบันนี้ 


เนื่องจากเราคิดว่าข้างในปราสาทคงจะไม่มีอะไร เราเลยเลือกที่จะไม่เข้า! เราเลยเก็บภาพบางส่วนของภายนอกปราสาทมาฝากค่ะ :)

 

เมื่อเราเดินข้ามฝั่งมาจากปราสาท ให้เราเดินมาเรื่อยๆประมาณ 200 เมตร ก็จะพบกับศูนย์กลางการ Shopping เลยค่ะ เรียกว่าเป็น พารากอนได้เลยค่ะ 

 




 ต่อไปเราก็มุ่งหน้าสู่สถานที่สุดท้ายในทริปนี้ค่ะ


 Cardiff bay

ใช้เวลาเดินไม่ถึง ชม ก็มาถึง Cardiff bay แล้วค่ะ  


        เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะผ่านร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเบียร์ต่างๆมากมาย

 




 บริเวณนี้มีแม่น้ำ 2 สายคือ Taff และ Ely ไหลผ่านเกิดเป็นทะเลสาบน้ำจืดบริเวณกว้าง ในปัจจุบันมีการปรับปรุงให้เป็น complex ขนาดใหญ่มีร้านอาหาร ศูนย์จัดแสดงงาน โรงละคร เพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนให้
กับชาวเวลส์ค่ะ 


สรุปเลยก็คือ เวลส์เป็นเมืองที่ใหญ่แต่สถานที่ท่องเที่ยวมีไม่มากนัก สามารถเที่ยววันเดียวได้ค่ะ ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางสถาปัตยกรรมค่ะ 

จบไปอีก 1 ทริปนะค่ะ แล้วมาพบกับทริปต่อๆไป หากคำพูดหรือข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้นะ ที่นี้ ด้วยนะค่ะ :) 



Caernarfon Castle in Wales,UK

http://bkcrazytravel.blogspot.com/2015/03/caernarfon-castle-in-walesuk.html



Anfield ทีมนี้ข้ารัก ไปเที่ยวกันเถอะ
http://bkcrazytravel.blogspot.com/2015/03/anfield.html
 
 
http://bkcrazytravel.blogspot.com/2015/03/hk-disneyland.html
 
 
 
 
 


 






วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

Caernarfon Castle in Wales,UK

Caernarfon Castle in North Wales


สืบเนื่องมาจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราได้ไปเรียนซัมเมอร์ที่ Wrexham เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของเวลล์ ซึ่งไม่ไกลมากนักจากเมือง Caernarfon......และนี่คือจุดเริ่มต้นในการมาเที่ยวเมืองนี้!!!

  จาก: เร็กซ์แฮม Wrexham, สหราชอาณาจักร ถึง: คาร์นาร์วอน Gwynedd, สหราชอาณาจักร

 การเดินทางจาก Wrexham to Caernarfon

เราใช้เวลาในการเดินทางไป Caernarfon ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง!
 เราออกจาก Wrexham ประมาณ 8 โมง และมาถึง Caernarfon ประมาณ 10.30

เริ่มจาก....
1) นั่งรถไฟจาก Wrexham General มาลงที่ Holyhead และต่อรถไฟอีกขบวนเพื่อไปลงที่ ฺBangor
2) เมื่อถึงสถานี Bangor แล้ว ให้เดินต่อไปยัง Bus stop 
3) เมื่อถึง Bus stop แล้ว ให้เรายืนรอบัส(รถเมย์) ประมาณ 10 นาที โดยเราจะขึ้นบัสหมายเลข 9 เพื่อไปยัง Gwynedd หรือ Caernarfon

 เรามาถึง Caernarfon Castle  ประมาณ 10.30 พอดีเลย!!!

 


ปราสาทคาร์นาร์วอน ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1283 ซึ่งมีอาณาเขตติดกับแม่น้ำเพื่อการทำยุทธศาสตร์และการขนส่งสินค้า แต่ปัจจุบันพื้นที่บางส่วนได้ถูกถมเพื่อขยายท่าเรือและมีความเจริญด้าน เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และในทุกวันนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจทางด้านสถาปัตยกรรม และเมือง Caernarfon ยังเป็นเมืองหลวงเก่าของ Wales ก่อนจะย้ายเมืองหลวงมาเป็น Cardiff ในปัจจุบัน

ปราสาท Caernarfon Castle เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมความสวยงามตั้งแต่ 10 โมง ถึง 4 โมงเย็น แต่.....ใครจะไปรู้ว่าปราสาทแห่งนี้จะเสียค่าเข้า!!! OMG เลยค่ะ :(
เอาละในมาถึงแล้วจะไม่เข้าได้ยังไง
 ปราสาท Caernarfon Castle เสียค่าเข้าคนละ £6.75 หรือประมาณ 350 บาท มันก็ไม่แพงหรอกถ้าเป็นเงินอังกฤษ แต่พอคิดออกมาเป็นเงินไทยมันแพงมากกกกกกกกก แต่พอเข้าไปมันก็คุ้มกับเงินที่เสียไปจริงๆ คือมันสวยมากกก



เมื่อเข้าไปถึงเราจะเจอป้ายนี้!! เพื่อบ่งบอกถึงการเสียเงิน เราจะต้องเดินเข้าไปเพื่อซื้อบัตรเพื่อเข้าไปยังปราสาท
 
ไปดูความสวยงามของปราสาทและวิวรอบด้านกันดีกว่า.....


               เมื่อเข้าไปถึงเรารับรู้เราจะรับรู้ได้ว่าเหมือนเราย้อนกลับมาในประวัติศาสตร์

 


                              บริเวณด้านข้างฝั่งขวาของปราสาทที่จะเข้าไปยังในตัวเมือง

 



               เมื่อมองจากด้านบนของปราสาทเราจะพบกับสะพานเชื่อมระหว่างตัวเมือง
                                      Caernarfon กับ Caernarfon Castle




                                         
                                             บริเวณนี้คือด้านขวาฝั่งทะเล






 จบไปอีก 1 ทริป และมาเจอกันในทริปต่อๆไป หากข้อมูลหรือคำพูดผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ Bkcrazytravel






















วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

หนีตามความฝันในเทพนิยาย...สู่ดินแดนแห่งความจริง HK Disneyland

เริ่มจากความฝันของหญิงสาวทั้ง 2 คนที่เคยดูแต่การ์ตูนและมีความฝันว่าอยากจะไปสัมผัสมันจริงๆ 
จากความฝันก็ก้าวเข้าสู่ความเป็นจริง....เมื่อเด็กนักศึกษาปี 1 ทั้ง 2 คน ตัดสินใจลงขันกันโดยไม่ง้อทัวร์(ง้อแต่แผนที่) เราตัดสินใจเลือกไปดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงเพราะใกล้ไทยแลนด์ที่สุดและเที่ยวไม่ยาก.....

เราวางแผนกันไว้ล่วงหน้า 1 เดือนก่อนมหาวิทยาลัยจะเปิด เราวางแผนกันทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ดูเหมือนจะมีมารผจญทั้ง 3 ครั้ง ทำให้แพลนที่เราวางไว้ ต้องย่อยสลายไปกับกลิ่นฝุ่นนนนนน และนี่คือจุดเริ่มต้นของเราทั้ง 2 คน

เราวางแผนกันไว้ว่าเราจะไป 3 วัน 2 คืน เพราะเราเจียดเวลาจากตาราเรียนมาได้แค่ 3 วันจริงๆ แต่เรามานั่งคิดกันว่าเราจะทำยังไงเพื่อให้ 3 วันนี้มีค่าและสนุกที่สุดดดดด






ฮ่องกง Hong Kong มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน Hong Kong Special Administrative Region of the People's Republic of China เป็นเขตปกครองตนเองริมฝั่งทางใต้ของประเทศจีน

ออกเดินทางกันเลย!!! 
เราเลือกเดินทางโดยสายการบิน Hong kong airline เพราะเราจองช่วงที่โปรโมชั่นพอดี กดจองโดยไม่นึกถึงอะไรทั้งนั้น เพราะแค่เห็นราคาก็ตะลึงแล้วววว เราเลือกที่จะไปเที่ยวช่วงหน้าหนาวเพราะอากาศจะดีมากก ประมาณ 13-16 องศา แต่ช่วงนั้นของจะยังแพงอยู่ 


เมื่อมาถึงสนามบินแล้ว เราก็เดินดุ่ม ดุ่ม ดุ่ม ไปที่เค้าท์เตอร์เช็คอินทันที เมื่อยื่น Passport กันเรียบร้อยแล้วก็เดินไปหา ตม. แล้วเดินทางเข้าสู่ Gate ทันที.....หลังจากนั้น 1 ชม เราได้ยินเสียงหล่อๆ เพราะๆ ประกาศให้เตรียมตัวขึ้นเครื่อง เอาแล้วๆ หลังจากวินาทีที่เดินขึ้นเครื่อง เรากับเพื่อนก็เริ่มเข้าสู่การใช้ชีวิตด้วยตัวเองอย่างเป็นทางการ.......



 2 ชม ผ่านไป........
ถึงแล้วววววววว ฮ่องกง รอบที่ 3 สำหรับเราสินะ :) เมื่อไปเช็คหน้าตา ความสวยกันที่ ตม. เรียบร้อยแล้ว (-หลังผ่าน ตม.อย่าลืมหยิบแผนที่แจกฟรีตรง Hong Kong Tourism Board) ก็เดินไปรับกระเป๋า ณ สายพานอันเชื่องช้าาาาาา จากนั้นก็เดินออกทางออก B 

แนะนำการเดินทางจากสนามบิน สู่ โรงแรมที่พัก........!!!
1.ซื้อบัตร Octopus ได้ที่สนามบินเลย มันจะเขียนว่า train tickets
2.ราคา 150 HKD แต่เป็นค่ามัดจำ 50 HKD (ได้คืนตอนกลับ) ใช้เงินในบัตรได้ 100 HKD
3.มีทางออก 2 ทาง Hall A /Hall B ออกทางไหนก็ได้ จากนั้นเดินตามป้าย To city ไปเลย
4.เข้าเมืองด้วยรถบัสก็สะดวก ให้มองหาป้าย Bus ค่ารถคนละ 33 HKD
5.หากลงที่ Tsim Sha Tsui ขึ้นสาย A21 ประานมาณ 50 นาทีถึง
6.ให้แตะบัตร Octopus Card ตรงเครื่องอ่านบัตรเฉพาะตอนขึ้น


แนะนำโรงแรม.....!!
เราเลือกพักโรงแรม The city view อยู่ย่าน Yau Ma Tei เป็นโรงแรม 4 ดาว ทำเลดีค่ะ สำหรับ The City View Hotel อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าเยาวมาเต๋ และที่สำคัญสามารถเดินไปยัง 3 แหล่งช้อปปิ้งสำคัญแห่งมงก๊ก ไม่ว่าจะเป็น Lady Market, Fa Yuen Street หรือ Sai Yueng Choi Street ช้อปมันส์จนลืมกลับโรงแรมกันเลยทีเดียวค่ะ :) ปล.มีเซเว่น ไม่อดค่ะ 555
การจองโรงแรม ให้เลือกจองกับ Agoda เพราะราคาจะดีกว่า....

 






  เราไปถึงโรงแรมประมาณ 2 ทุ่ม เราก็เข้าเช็คอิน แต่เวลาเราเช็คอินพนักงานจะเรียกเก็บค่ามัดจำ 500 เหรียญฮ่องกงค่ะ น่าจะเป็นทุกโรงแรงนะค่ะ หลังจากเช็คอิน เอาของขึ้นไปเก็บบนห้อง สำรวจห้องเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่ผู้หญิงๆชอบทำกันแล้ว นั้นคือ "ช๊อปปิ้ง"


เดินวันแรกก็หลงเลยยย แต่หลงไปหา แมคโดนัล นะ 55 เป็นเพราะความหิว หรือโหยก็ไม่รู้!!!


เซ็ตนี้ประมาณ 51 เหรียญ ซึ่งเราหารกันกับเพื่อนคนละครึ่ง......เมื่อทานอาหารเสร็จก็ได้เวลาเข้านอน! แต่เอ๊ะ!!! น้ำไม่อาบหรอ??? ตอบ....อาบสิ! ขอเวลาไปนอนเพื่อเอาแรงไปเดินในเมืองแห่งเทพนิยายในวันพรุ่งนี้......Zzzzzzz


วันที่สองของการเดินทาง Hong kong Disneyland :)
การเดินทางไปยังดิสนีย์แลนด์ไม่ยากอย่างที่คิด......!

เริ่มต้นจาก MTR Mong Kok  > Laiking > Sunny Bay > แล้วต่อสายสีชมพูไปลงสถานี Disneyland Resort

การซื้อตั๋วเราควรจองออนไลน์เพราะจะสะดวกกว่าและไม่เสียเวลาด้วย!! ค่าตั๋วคนละ 550 เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 2475 บาท (อันนี้คือบัตรแบบ Full day นะ คืออยู่ได้ทั้งวัน)

สวนสนุก Disneyland เวลา เปิด-ปิด คือ 10:00AM - 9:00PM ค่ะ
- อย่าลืมเอาน้ำดื่มเข้าไปด้วยนะค่ะ (จำกัดคนละ 1 ขวด ซื้อข้างในแพงมาก)
- เครื่องเล่นอันไหนที่คนเข้าคิวเยอะ ก็ให้ใช้บริการ Fast Pass เป็นตู้ที่กดบัตรออกมา เมื่อถึงเวลาก็สามารถไปเล่นได้โดยไม่ต้องรอคิว ช่วยประหยัดเวลาได้

 เครื่องเล่นที่มีบริการบัตร Fast Pass มีดังนี้
-    Buzz Lightyear Astro Blasters
-    Space Mountain
-    The Many Adventures of Winnie the Pooh
-    Fantasy Gardens
-    Mickey's PhilharMagic
-    Festival of the Lion King



   ถ้าพร้อมแล้ว เราไปตะลุย Hongkong Disneyland กันเลย!!! 




 เมื่อเดินเข้ามาข้างใน เราต้องนำบัตรยื่นให้เจ้าหน้าที่เพื่อสแกนบัตร....


 เมื่อเดินเข้าไปเราจะพบกับเครื่องดูดเงินขนาดใหญ่นั้นคือร้านขายของงงง โอ้ววววว หมดไปกับโซนนี้เยอะมากกกกกกกกกกกกก



 

 

                                     ชอปจนตัวเบา ขอนั่งพักสักหน่อยก่อนจะไปลุยต่อ


  เมื่อชอปปิ้งเสร็จแล้ว โซนแรกที่ได้เข้าไปคือ Toy Story zone โซนนี้เน้นถ่ายรูปค่ะเพราะรอต่อแถวเล่นไม่ไหวจริงๆ มันหนาวมากบวกกับคนเยอะมากกกก




 

 เมื่อเดินผ่านปราสาทนี้ไปประมาณ 300 เมตร เราจะพบร้านขายไอศกรีม(แพงมากกกกกก) ปล.ที่เพื่อนเราลงทุนซื้อไอติมแท่งเป็นร้อยเพราะนางหลงรักคนขายยยย เอิ่ม!!!

 



                                          ราคาตามนี้เลยค่ะ :)


Flights of Fantasy Parade
อย่าลืมดูเวลาของขบวนพาเหรดด้วยนะค่ะ ประมาณบ่ายโมง
ไปรอชมขบวนพาเหรดที่ หน้าปราสาท หรือ บนถนน Main Street ค่ะ






    (ภาพบางส่วนจากขบวนพาเหรดนะค่ะ)

 
 "Disney in the Stars" Fireworks

ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ของทริปวันนี้แล้วค่ะ ใกล้ได้เวลาดูพลุแล้ว ไปจับจองที่ล่วงหน้า 1 ชมนะค่ะ
 ดีนะมีคนที่มาก่อนเราคิดว่าจะมีโชว์ตอน 2 ทุ่ม
จริงๆแล้ววันนี้มีโชว์ตอน 3 ทุ่มค่ะ เค้าเลยรอไม่ไหว เราเลยได้ที่ เสียบแทนเลยค่ะ

 ก่อนที่จะมีการแสดงพลุ จะมีขบวนพาเหรดรอบค่ำก่อนค่ะ สวยมากกกกกก แต่ได้ภาพมาแค่บางส่วน เพราะคนเยอะมากค่ะ :(









 ต่อไปเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย นั้นคือช่วง  "Disney in the Stars" Fireworks
 ปล.ภาพอาจไม่สวยนะค่ะ 




 การถ่ายพลุ มีอุปสักนิดหน่อยตรงที่ ควันพลุ บางช่วง มองไม่เห็นพลุเลย ควันเยอะมากๆ
 ได้เวลากลับแล้วครับหลังจากการแสดงพลุจบ ประทับมากๆครับ สำหรับวันนี้



วันที่สามของการเดินทาง เช้า....ไหว้พระขอพร บ่าย....."ช่วงเวลาของการชอปปิ้ง"
 เช้าวันนี้เราเดินทางไปไหว้พระขอพรที่วัดแชกงหมิวและวัดหวังต้าเซียนค่ะเพื่อนขอพรให้กับตัวเราเองและครอบครัวหลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว เหมือนโชคเข้าข้าง เราได้ขึ้นรถบัสสองชั้นแบบฟรีๆ


     ขึ้นไปวิวสวยมากกกก นั่งมองนู้น มองนี่ มองถนนไปเรื่อยๆ มองไปมองมากิเลศเริ่มเกิดดดดด





ถนน Canton Road หรือหลายคนเรียกว่า “ถนนแบรนด์เนม” แห่งฮ่องกง เพราะจะได้เห็นแบรนด์เนมไฮเอ็นด์ระดับโลกเปิดช็อปกันอยู่ตลอดทั้งถนน Canton เช่น LOUIS VUITTON, ARMANI, PRADA, GUCCI, VERSACE, Hermès, FENDI ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งร้านต่างๆ ที่เห็นนั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ของห้าง Harbour City  ถนนเส้นนี้สาวกแบรนด์เนมไม่ควรพลาด


 จากนั้นเราก็เดินทางต่อเพื่อจะไปในจุดหมายถัดไปของเรา นั้นคือ สนามบิน ได้เวลา SAY GOOD BYE แหล่งชอปปิ้งกันแล้ว หลังจากที่ชอปกันอย่างหนักหน่วง  คนฮ่องกงนี่เค้ารักษาระเบียบวินัยกันมาก และรถที่นี่ก็จะขับไวมากๆ คือถ้าไฟแดงก็คือหยุด ไฟเหลืองนี่เค้าก็หยุดกันแล้ว  ซึ่งแปลว่าหากใครที่คิดอยากลองข้ามถนนตอนไฟเขียว อาจต้องเสี่ยงชีวิตจริงๆค่ะ เพราะเค้าอาจไม่หยุดให้คุณ!!!

  แล้วก็ได้เวลาโบกมือบ๊ายบายฮ่องกง เรากลับไปเอากระเป๋าแล้วไปสนามบิน......
สำหรับใครที่ต้องการไปสนามบินด้วยตัวเอง ให้นั่งรถแอร์พอร์ตบัส สาย A21 ให้มาขึ้นที่ Grand Tower ที่ถนนนาธาน ค่ารถคนละ 33 เหรียญฮ่องกง






 สังเกตุได้ว่าขาไปมีกระเป๋าแค่ใบเดียว.....เหตุผลที่มีกระเป๋าเพิ่มเพราะของที่ชอปเยอะเกินไป จึงจำใจที่จะต้องซื้อกระเป๋าเพิ่ม

เมื่อเช็คอินเสร็จแล้ว ก็เดินไปที่ Gate ตามปกติ แต่....!!!! Gateของเราคือ 62 อ๊ากกกกกไกลมากกกกก


 และแล้วก็ถึงเวลาโบกมือ บ๊าย...บายยยยยยยยยย

 


 แล้วมาพบกันใหม่ในทริปต่อไป..... Bkcrazytravel :) ขอขอบคุณ....แพรวผู้ร่วมเดินทางไปบ้า ซ่า มัน กับเราในทริปนี้ :)

หากข้อมูลหรือคำพูดผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ :)