สวัสดีเพื่อนๆชาว Bkcrazytravel บันทึกนี้กับการใช้ชีวิตที่แสนวิเศษ....!
ก่อนอื่นเลย...ต้องบอกก่อนว่าการเดินทางครั้งนี้ของเราไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านๆมาเพราะการเดินทางครั้งนี้จะบันทึกอารมณ์และความรู้สึก
ระหว่างการเดินทางของเราที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้ชีวิตโดยผ่านภาพถ่ายและตัวอักษร....!
เมื่อพูดถึงคำว่า "ดอย" หลายคนไม่กล้าที่ก้าวออกมา อาจเป็นเพราะกลัวความลำบาก สถานที่ที่เราไม่คุ้นเคยหรือแม้กระทั่งกลัวการเปลี่ยนแปลงของชีวิต
วันนี้เราเลยอยากจะบอกพวกคุณว่าไม่ต้องกลัวว่าจะโดดเดี่ยว ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากและไม่ต้องกลัวว่าชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป ดังนั้นจงกล้าที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยความสุขและความสนุก แล้วชีวิตของคุณจะไม่อยากอยู่กับที่อีกเลย....
การเดินทาง
- จากกรุงเทพสามารถนั่งรถทัวร์หรือเครื่องบินก็ได้ (ควรจะถึงเชียงใหม่ล่วงหน้า 1 วัน)
- จากตัวเชียงใหม่ > สองแถวแดง > รถตู้ รอบ : 05:00 น. ที่ประตูหายยา และจะไปถึงอมก๋อย 8:00 น.
- จากตัวอำเภออมก๋อยขึ้นไปยังหมู๋บ้านโดยรถชาวบ้านที่ครูต้อมเตรียมไว้ให้
จุดเริ่มต้น (ตลาดอมก๋อย)
เช้าวันที่ 21 ตุลาคม 2559
ก้าวแรก ณ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
13:30 น. โดยประมาณเมื่อคนพร้อม รถพร้อม ครูต้อมเลยให้ขึ้นหมู่บ้านก่อนเวลาที่นัดไว้ เพราะกลัวว่าระหว่างทางจะเจอฝน เมื่อพร้อมแล้วจะรออะไร GO GO GO GO.......
เริ่มออกเดินทางจากตัวอำเภออมก๋อยโดยรถพ่อหลวง(ผู้ใหญ่บ้าน)บ้านห้วยบง
1 ชั่วโมงผ่านไป.....ร่างกายยังอยู่ในระดับปกติ ถึงแม้จะมีลื่น มีไหลบ้าง ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องปกติของเส้นทางนี้ หมู่บ้านที่เราจะขึ้นไปตั้งอยู่ไกลจากตัวอำเภออมก๋อยประมาณ 78 กม. เราใช้เวลาเดินทางกันทั้งหมด 5-6 ชั่วโมงโดยประมาณ เนื่องจากถนนจะเริ่มไต่ระดับความยากขึ้นไปเรื่อยๆ
ความลำบากในการขึ้นไปยังหมู่บ้านไม่ไช่ปัญหาเลย เพราะความสวยงามระหว่างทางมันทำให้เราลืมความระบม ความเจ็บตูดไปได้เยอะเลย
2 ชม ผ่านไป.....ไวเหมือนโกหก!!
พ่อหลวงจอดเพื่อให้พวกเราพักตูด พักความระบมไว้สักครู่....ตัดภาพไปที่ความอึน!!!! โดยสองข้างทางที่เราผ่านกันมาเต็มไปด้วย "ความธรรมดา" ชีวิตที่เรียบง่าย บ้านเรือนของชาวบ้านสร้างขึ้นแบบง่ายๆ บรรยากาศเงียบๆ ไม่มีเซเว่น ไม่มีห้างสรรพสินค้าอะไร มีแต่.....ต้นไม้ ภูเขา และทะเลหมอกขนาบข้างของถนน
ขับไปขับมา......นั่งไปนั่งมา
ปะ ปะ ไป กันต่อดีกว่าาา เดี๋ยวจะมืดซะก่อน....!
ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าาาาาาา.....
ขับไปค่ะ...ขับวนไป ใกล้จะถึงแล้ววววว
19:30 น. ตัดภาพไปที่หมู่บ้าน (ถึงแล้ววว) อาบน้ำ นอน
เช้าวันที่ 22 ตุลาคม 2559
พระเจ้าาา คนที่นี่ตื่นเร็วไป ไก่ก็ขันเร็วไป ขณะนี้เป็นเวลา 04:00 น. เรียกสั้นๆว่า ตีสี่!!!!!!
เราได้นอนบ้านจางเปา ครอบครัวนี้มีทั้งหมด 4 คน มีพ่อ แม่ ลูกชายคนโต(อภิชาติ)อายุน่าจะราวๆ 9 ปี เพราะเรียนอยู่ ป.3 ลูกสาวคนเล็ก(แพรวา) น่าจะอายุ 5-6 ปี แต่สิ่งที่พีคที่สุดคือ ตีสี่แพรวาตืื่นมาล้างจาน จุดไฟ หุงเข้า ซึ่งต่างจากเด็กทั่วไปในเมืองกรุง!!
6:00 น. บ้านจางเปาที่เราพักอยู่ > บรรยากาศเรียบง่ายปรากฏขึ้นต่อหน้าเราทันทีที่ก้าวลงมาจากบ้าน จมูกได้รับรู้ถึงกลิ่นดินกลิ่นหญ้า หูได้ยินเสียงนกร้องขานทักทายกัน ตามองเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องโอ้อวดอะไรกับใคร เพราะทุกคนมีคุณค่าทางชีวิตที่เท่ากัน นั้นก็คือ ความสุข
วันนี้เราจะต้องไปทำกิจกรรมร่วมกับพี่คนอื่นและเด็กๆที่โรงเรียนซึ่งอยู่ไกลจากหมู่บ้านพอสมควร
อาหารเช้ามาแล้วววววว ก่อนไปโรงเรียน
เด็กชายศรัญ
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน เป็นพ่อที่อยู่ดูแลลูกๆทุกคน ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน
อภิชาติ : ไปโรงเรียนกันไหมครับครู
เดินไปค่ะ เดินแล้ว เดินอีก เดินไปเรื่อยๆค่ะ
แวะถ่ายรูปกันหน่อย
เดินมาสักพักใหญ่ๆ พักบ้าง ถ่ายรูปบ้าง ถึงแล้ววววว......หมู่บ้านที่ถูกไฟไหม้ แต่โรงเรียนไม่โดนไฟไหม้
กิจกรรมเด็กๆโดยคุณครูนกกี้ ครูแพร ครูฝ้าย ครูหญิง ครูนิออน ครูแนน ครูเฟิร์น ครูลิขิต ครูน๊อต ครูโอ และครูทอม
และพรีเซ้นท์ผลงานของตัวเอง
รับรางวัลไปตามระเบียบ
คุณครูฝ้ายผู้ที่ถึกที่สุด
คุณครูแนนรักเด็กค่ะ
กิจกรรมที่ 2 : เล่นเกมเพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กๆ
คุณครูนิออนคนสวย
กิจกรรมภาคบ่าย : เล่านิทาน ระบายสี
เด็กหญิงปานวาด
เตรียมตัวกลับบ้านแล้ว
อุปกรณ์เครื่องเขียน สมุด ส่งถึงมือเด็กๆเรียบร้อยค่ะ
อาหารเย็นแสนอร่อย
วันที่ 23 ตุลาคม 2559
ออกเดินทางไปไร่ข้าว ไปน้ำตก
แม่ห่อข้าวไปให้กินที่น้ำตก
สถานที่ตั้งของไร่ข้าวนอกจากถนนหนึ่งเลนที่ใช้สัญจรเข้าออกระหว่างหมู่บ้านกับไร่ข้าวแล้ว รอบด้านก็ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาใหญ่ ด้านหลังเป็นแนวภูเขายาวกั้นระหว่างพื้นน้ำข้างล่างและผืนฟ้าข้างบน
ทางชันยิ่งกว่าถนนอีก
คุณครูที่แสนดีของเด็กๆ
เดินต่อไม่ไหวจริงๆ เหนื่อยมาก!!! แต่การที่เราหยุดพัก มองไปรอบๆตัว ไม่ไช่การที่เราจะเสียเวลา แต่กลับเป็นการเพิ่มกำลังใจ หนทางข้างหน้ายังอีกไกล การที่เราจะมุ่งไปที่จุดหมายปลายทางอย่างเดียวโดยไม่สนใจสิ่งเล็กๆระหว่างทาง เราอาจจะพลาดสิ่งดีๆไปก็ได้
^
คุณครูลิขิต
รองเท้าซึ่งใช้ไม่ได้กับหมู่บ้านนี้ (มีหวังตกเขาแน่ๆ)
GO GO GO GO น้ำตกแม่ฮอง
ทางโหดเกินไปจริงๆ
เด็กๆที่นี่แข็งแรงมากจริงๆ
อภิชาติลูกหาบส่วนตัว
งานนี้โจเปาน่าจะหอบสุด วิ่งแล้ว วิ่งอีก
ขาไปว่ายากแล้ว แต่ขากลับยากกว่าหลายเท่า แต่ในความเหนื่อย กลับมีความภูมิใจ ในความอ่อนล้า กลับมีกำลังใจ อุปสรรคทั้งหลายที่เข้ามามักมีสิ่งดีๆมอบให้ตัวเราเสมอ แม้ว่าการเท้าเปล่าจะกลับมาพร้อมบาดแผล แต่เบื้องหลังความเจ็บคือจิตใจที่ใสสะอาดขึ้นกว่าเดิม........
24 ตุลาคม 2559
ถึงเวลาโบกมือบ๊าย...บาย เด็กๆ ชาวบ้านที่น่ารัก และกล่าวขอบคุณหิน ดิน ทราย บ้านที่ให้เรานอน ห้องน้ำที่ให้เราอาบน้ำ ตลอด 4 วันที่อยู่ในหมู่บ้าน
เราอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกดีแค่ไหนที่ได้มาอยู่บนยอดเขาสูง
ได้นอนมองดูก้อนเมฆ มองดาวและมองดูหมอกที่วิ่งผ่านไปผ่านมา
หากชีวิตของเราคือการเดินทางที่แสนไกล จะมีใครคนไหนที่สามารถเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่มีเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆคอยสนับสนุนและให้กำลังใจระหว่างทาง เป้าหมายคงจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราต้องไปยืนอยู่ที่แห่งนั้นเพียงคนเดียว ระยะทางที่ยาวไกล มันจะไม่ไกล ถ้าเรามีเพื่อนร่วมทางที่ดี.....!
ขอขอบคุณรูปบางส่วนจากครูฝ้าย ครูนิออน และโจเปา
ขอขอบคุณมิตรภาพดีๆจากพี่ๆทุกคน
ขอขอบคุณครูต้อม เด็กๆ ชาวบ้านแม่ฮองใหม่ทุกคน
สัญญาว่าจะมีครั้งต่อไปแน่นอน.............แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
Bkfern
Bkcrazytravell
รักเลย ดีงามมากค่ะครูเฟร์น
ตอบลบ