วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

อาสาขอยกมือ....ขึ้นดอยส่งมอบความสุข ณ "แม่ฮองใหม่" อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่

สวัสดีเพื่อนๆชาว Bkcrazytravel บันทึกนี้กับการใช้ชีวิตที่แสนวิเศษ....! 

ก่อนอื่นเลย...ต้องบอกก่อนว่าการเดินทางครั้งนี้ของเราไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านๆมา
เพราะการเดินทางครั้งนี้จะบันทึกอารมณ์และความรู้สึก
ระหว่างการเดินทางของเราที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้ชีวิตโดยผ่านภาพถ่ายและตัวอักษร....!

เมื่อพูดถึงคำว่า "ดอย" หลายคนไม่กล้าที่ก้าวออกมา อาจเป็นเพราะกลัวความลำบาก สถานที่ที่เราไม่คุ้นเคยหรือแม้กระทั่งกลัวการเปลี่ยนแปลงของชีวิต

วันนี้เราเลยอยากจะบอกพวกคุณว่าไม่ต้องกลัวว่าจะโดดเดี่ยว ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากและไม่ต้องกลัวว่าชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป ดังนั้นจงกล้าที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยความสุขและความสนุก แล้วชีวิตของคุณจะไม่อยากอยู่กับที่อีกเลย....

การเดินทาง
- จากกรุงเทพสามารถนั่งรถทัวร์หรือเครื่องบินก็ได้ (ควรจะถึงเชียงใหม่ล่วงหน้า 1 วัน)
- จากตัวเชียงใหม่ > สองแถวแดง > รถตู้ รอบ : 05:00 น. ที่ประตูหายยา และจะไปถึงอมก๋อย 8:00 น.
- จากตัวอำเภออมก๋อยขึ้นไปยังหมู๋บ้านโดยรถชาวบ้านที่ครูต้อมเตรียมไว้ให้

จุดเริ่มต้น (ตลาดอมก๋อย)


เช้าวันที่ 21 ตุลาคม 2559 
ก้าวแรก ณ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ 


13:30 น. โดยประมาณเมื่อคนพร้อม รถพร้อม ครูต้อมเลยให้ขึ้นหมู่บ้านก่อนเวลาที่นัดไว้ เพราะกลัวว่าระหว่างทางจะเจอฝน เมื่อพร้อมแล้วจะรออะไร GO GO GO GO.......
เริ่มออกเดินทางจากตัวอำเภออมก๋อยโดยรถพ่อหลวง(ผู้ใหญ่บ้าน)บ้านห้วยบง



 
  1 ชั่วโมงผ่านไป.....ร่างกายยังอยู่ในระดับปกติ ถึงแม้จะมีลื่น มีไหลบ้าง ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องปกติของเส้นทางนี้ หมู่บ้านที่เราจะขึ้นไปตั้งอยู่ไกลจากตัวอำเภออมก๋อยประมาณ 78 กม. เราใช้เวลาเดินทางกันทั้งหมด 5-6 ชั่วโมงโดยประมาณ เนื่องจากถนนจะเริ่มไต่ระดับความยากขึ้นไปเรื่อยๆ






ความลำบากในการขึ้นไปยังหมู่บ้านไม่ไช่ปัญหาเลย เพราะความสวยงามระหว่างทางมันทำให้เราลืมความระบม ความเจ็บตูดไปได้เยอะเลย




2 ชม ผ่านไป.....ไวเหมือนโกหก!! 





พ่อหลวงจอดเพื่อให้พวกเราพักตูด พักความระบมไว้สักครู่....ตัดภาพไปที่ความอึน!!!! โดยสองข้างทางที่เราผ่านกันมาเต็มไปด้วย "ความธรรมดา" ชีวิตที่เรียบง่าย บ้านเรือนของชาวบ้านสร้างขึ้นแบบง่ายๆ บรรยากาศเงียบๆ ไม่มีเซเว่น ไม่มีห้างสรรพสินค้าอะไร มีแต่.....ต้นไม้ ภูเขา และทะเลหมอกขนาบข้างของถนน




ขับไปขับมา......นั่งไปนั่งมา 








 อ้าว...เห้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่าาาาา.....ก่อนที่จะไป เราได้ดูการเดินทางขึ้นไปยังหมู่บ้านใน youtube ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับตัวเอง นับได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครจะเจอได้ง่ายๆ เราใช้เวลาอยู่จุดๆนี้เกือบๆ 1 ชม






ปะ ปะ ไป กันต่อดีกว่าาา เดี๋ยวจะมืดซะก่อน....!





ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าาาาาาา.....



ขับไปค่ะ...ขับวนไป ใกล้จะถึงแล้ววววว




          ความชันของภูเขาเริ่มลดระดับลง นั่นเป็นสัญญาณที่จะบอกเราว่าใกล้จะถึงหมู่บ้านแล้ว
19:30 น. ตัดภาพไปที่หมู่บ้าน (ถึงแล้ววว) อาบน้ำ นอน 


เช้าวันที่ 22 ตุลาคม 2559 

พระเจ้าาา คนที่นี่ตื่นเร็วไป ไก่ก็ขันเร็วไป ขณะนี้เป็นเวลา 04:00 น. เรียกสั้นๆว่า ตีสี่!!!!!!






เราได้นอนบ้านจางเปา ครอบครัวนี้มีทั้งหมด 4 คน มีพ่อ แม่ ลูกชายคนโต(อภิชาติ)อายุน่าจะราวๆ 9 ปี เพราะเรียนอยู่ ป.3  ลูกสาวคนเล็ก(แพรวา) น่าจะอายุ 5-6 ปี แต่สิ่งที่พีคที่สุดคือ ตีสี่แพรวาตืื่นมาล้างจาน จุดไฟ หุงเข้า ซึ่งต่างจากเด็กทั่วไปในเมืองกรุง!!








บรรยากาศยามเช้าของหมู่บ้านแม่ฮองใหม่ เดิมชื่อหมู่บ้านแม่ฮองกลาง แต่เนื่องจากเกิดไฟไหม้ที่หมู่บ้านเมื่อปี 2558 จึงทำให้ต้องย้ายหมู่บ้านลงมานิดนึงและกลายเป็นหมู่บ้านแม่ฮองใหม่ในปัจจุบัน



6:00 น. บ้านจางเปาที่เราพักอยู่ > บรรยากาศเรียบง่ายปรากฏขึ้นต่อหน้าเราทันทีที่ก้าวลงมาจากบ้าน จมูกได้รับรู้ถึงกลิ่นดินกลิ่นหญ้า หูได้ยินเสียงนกร้องขานทักทายกัน ตามองเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องโอ้อวดอะไรกับใคร เพราะทุกคนมีคุณค่าทางชีวิตที่เท่ากัน นั้นก็คือ ความสุข





วันนี้เราจะต้องไปทำกิจกรรมร่วมกับพี่คนอื่นและเด็กๆที่โรงเรียนซึ่งอยู่ไกลจากหมู่บ้านพอสมควร


อาหารเช้ามาแล้วววววว ก่อนไปโรงเรียน


เด็กชายศรัญ


เป็นรูปที่มีทุกบ้าน เป็นพ่อที่อยู่ดูแลลูกๆทุกคน ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน  



อภิชาติ : ไปโรงเรียนกันไหมครับครู









เดินไปค่ะ เดินแล้ว เดินอีก เดินไปเรื่อยๆค่ะ


แวะถ่ายรูปกันหน่อย 

เดินมาสักพักใหญ่ๆ พักบ้าง ถ่ายรูปบ้าง ถึงแล้ววววว......หมู่บ้านที่ถูกไฟไหม้ แต่โรงเรียนไม่โดนไฟไหม้














   พอ 8:00 น. เด็กๆก็เคารพธงชาติตามปกติและครูต้อมกับครูยีโจก็ให้แบ่งกิจกรรมกันทำ ซึ่งเราได้ทำกิจกรรมกับเด็กๆ ป. 1-2 เด็กๆน่ารักมากๆ ไม่ดื้อ ไม่ซน เรียนรู้เร็วและยิ้มเก่งมากกก
กิจกรรมเด็กๆโดยคุณครูนกกี้ ครูแพร ครูฝ้าย ครูหญิง ครูนิออน ครูแนน ครูเฟิร์น ครูลิขิต ครูน๊อต ครูโอ และครูทอม 





                                                               กิจกรรมแรกคือวาดรูป


 และพรีเซ้นท์ผลงานของตัวเอง




 รับรางวัลไปตามระเบียบ



คุณครูฝ้ายผู้ที่ถึกที่สุด


 


คุณครูแนนรักเด็กค่ะ

กิจกรรมที่ 2 : เล่นเกมเพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กๆ





















 คุณครูนิออนคนสวย

 
 กิจกรรมภาคบ่าย : เล่านิทาน ระบายสี






เด็กหญิงปานวาด



 เตรียมตัวกลับบ้านแล้ว




อุปกรณ์เครื่องเขียน สมุด ส่งถึงมือเด็กๆเรียบร้อยค่ะ




อาหารเย็นแสนอร่อย

วันที่ 23 ตุลาคม 2559 

ออกเดินทางไปไร่ข้าว ไปน้ำตก 


แม่ห่อข้าวไปให้กินที่น้ำตก


สถานที่ตั้งของไร่ข้าวนอกจากถนนหนึ่งเลนที่ใช้สัญจรเข้าออกระหว่างหมู่บ้านกับไร่ข้าวแล้ว รอบด้านก็ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาใหญ่ ด้านหลังเป็นแนวภูเขายาวกั้นระหว่างพื้นน้ำข้างล่างและผืนฟ้าข้างบน






ทางชันยิ่งกว่าถนนอีก



คุณครูที่แสนดีของเด็กๆ 



เดินต่อไม่ไหวจริงๆ เหนื่อยมาก!!! แต่การที่เราหยุดพัก มองไปรอบๆตัว ไม่ไช่การที่เราจะเสียเวลา แต่กลับเป็นการเพิ่มกำลังใจ หนทางข้างหน้ายังอีกไกล การที่เราจะมุ่งไปที่จุดหมายปลายทางอย่างเดียวโดยไม่สนใจสิ่งเล็กๆระหว่างทาง เราอาจจะพลาดสิ่งดีๆไปก็ได้


^
คุณครูลิขิต


 รองเท้าซึ่งใช้ไม่ได้กับหมู่บ้านนี้ (มีหวังตกเขาแน่ๆ)


GO GO GO GO น้ำตกแม่ฮอง





ทางโหดเกินไปจริงๆ


เด็กๆที่นี่แข็งแรงมากจริงๆ


อภิชาติลูกหาบส่วนตัว





งานนี้โจเปาน่าจะหอบสุด วิ่งแล้ว วิ่งอีก 









ขาไปว่ายากแล้ว แต่ขากลับยากกว่าหลายเท่า แต่ในความเหนื่อย กลับมีความภูมิใจ ในความอ่อนล้า กลับมีกำลังใจ อุปสรรคทั้งหลายที่เข้ามามักมีสิ่งดีๆมอบให้ตัวเราเสมอ แม้ว่าการเท้าเปล่าจะกลับมาพร้อมบาดแผล แต่เบื้องหลังความเจ็บคือจิตใจที่ใสสะอาดขึ้นกว่าเดิม........

24 ตุลาคม 2559 
ถึงเวลาโบกมือบ๊าย...บาย เด็กๆ ชาวบ้านที่น่ารัก และกล่าวขอบคุณหิน ดิน ทราย บ้านที่ให้เรานอน ห้องน้ำที่ให้เราอาบน้ำ ตลอด 4 วันที่อยู่ในหมู่บ้าน 







เราอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกดีแค่ไหนที่ได้มาอยู่บนยอดเขาสูง 
ได้นอนมองดูก้อนเมฆ มองดาวและมองดูหมอกที่วิ่งผ่านไปผ่านมา



หากชีวิตของเราคือการเดินทางที่แสนไกล จะมีใครคนไหนที่สามารถเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่มีเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆคอยสนับสนุนและให้กำลังใจระหว่างทาง เป้าหมายคงจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราต้องไปยืนอยู่ที่แห่งนั้นเพียงคนเดียว ระยะทางที่ยาวไกล มันจะไม่ไกล ถ้าเรามีเพื่อนร่วมทางที่ดี.....!


ขอขอบคุณรูปบางส่วนจากครูฝ้าย ครูนิออน และโจเปา 
ขอขอบคุณมิตรภาพดีๆจากพี่ๆทุกคน
ขอขอบคุณครูต้อม เด็กๆ ชาวบ้านแม่ฮองใหม่ทุกคน 

สัญญาว่าจะมีครั้งต่อไปแน่นอน.............แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

Bkfern 
Bkcrazytravell







































1 ความคิดเห็น: