วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ออกแล้ว....แต่ไม่ได้ออกเลยนะ!

  ตลอดระยะเวลา 5 เดือน 100 วัน 800 ชม 48,000 นาที 2,880,000 วินาที ที่นี่ให้อะไรมากมาย ให้ความรัก ความห่วงใย ให้เพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุด ให้อนาคต 



      จริงๆ การทำงานก็เหมือนกับการเดินทาง ทุกคนก็เหมือนนักเดินทางที่ต่างคนต่างที่มา แล้วเราก็มีรถบัสคันใหญ่ บางทีก็เป็นคันเล็ก บางทีก็เป็นรถไฟ หรือเป็นเครื่องบิน ที่เราขอโดยสารไปด้วย ในรถคันนั้นมีก็คนมากมายที่ร่วมเดินทางไปกับเราโดยรถนั้นก็พาเราไปตามถนนหรือเส้นทางที่รถคันนั้นตั้งไว้

      แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราทุกคนจะต้องเดินทางไปจนถึงปลายทางพร้อมกันทุกคน จริงๆแล้วชีวิตของเราทุกคนก็ต่างมีเส้นทางของตัวเอง เราเริ่มจากจุดหนึ่งและมุ่งไปตามทางเรื่อยๆ โดยรถที่เราขอโดยสารมาด้วยนั้น เป็นพาหนะชั่วคราวเพราะเราเห็นว่ารถคันนี้มุ่งไปในทางที่เรากำลังไปอยู่นั่นเอง แต่ถ้าวันไหนที่เราพบทางแยกที่เราอยากไปอีกทางแล้ว เราก็จำเป็นต้องลงจากรถเพื่อเดินไปต่อตามทางของเรา โบกมือลาให้กับคนอื่นๆ ที่ยังอยู่บนรถ





         การลาออกก็เหมือนกัน ทุกคนไม่มีใครทำงานในบริษัทตลอดไป วันหนึ่งเราก็ต้องจากไปด้วยเหตุผลที่ต่างกัน อาจจะได้ไปเรียนต่อ ได้งานใหม่ หรือไม่ก็อาจจะเกษียณตัวเอง แต่วันใดวันหนึ่งเราก็ต้องจากลาเป็นธรรมดา และการจากลานั้นก็คือการเริ่มต้นอีกครั้งของแต่ละคนที่จะไปบนหาทางเส้นใหม่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ผูกพันหรือมีความสุขไปกับเพื่อนร่วมทางของเรา จะว่าไปแล้ว ความสุขอย่างหนึ่งของการทำงาน ไม่ใช่การได้เงินเดือนเยอะๆ หรือได้รางวัลอะไร แต่คือการที่เราหันไปมองคนรอบข้างเราในที่ทำงาน (ซึ่งเราใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตอยู่กับมัน) แล้วเรารู้สึกมีความสุข รู้สึกผูกพันกับผู้คนเหล่านั้น และคนเหล่านั้นทำให้ทุกๆ วันของเราที่ต้องทำงาน ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา การเจอเพื่อนร่วมงานที่ดีจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างโชคดีอยู่ไม่น้อย เพราะทุกครั้งที่เรารู้สึกท้อ เหนื่อย หมดกำลังใจ เราก็พอจะนึกถึงอะไรดีๆ ให้เรากลับมาชุ่มชื่นได้บ้าง





     รู้สึกใจหายที่จะต้องโบกมือลาใครสักคนที่ขอลงจากรถเพื่อไปตามทางของเขา เพราะมันก็เหมือนว่าส่วนหนึ่งของความสุขที่เราเคยมีนั้นหายไป แต่ไม่เป็นไร ความสุขเหล่านั้นไม่ได้หายไป มันยังอยู่ในใจของเราเสมอ อยู่ในทุกขณะที่เราหลับตาแล้วนึกถึงอดีตที่เราจดจำ

     การลาจาก ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทุกๆ อย่าง การขอลงเดินไปในทางของตัวเองเป็นแค่การจากกันชั่วคราว เพราะเมื่อเราได้รู้จักกันแล้ว การเดินทางของพวกเราก็อาจจะได้พบกันอีกในภายภาคหน้าได้เสมอ สิ่งที่เราควรทำจึงไม่ใช่โศกเศร้า แต่คือการยินดีให้กับทุกคนที่เข้ามาและต้องร่ำลาจากไป เพราะทั้งเราและเขาก็ต้องก้าวกันต่อไป

จนกว่าจะพบกันใหม่…อีกครั้ง
BKFERN 27.08.18






CR.NUTTAPUTCH


วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Switzerland......ดินแดนนี้มีอะไร!

Switzerland....



ขอเอ่ยั้นๆว่าสวิสละกันนะ เพราะทุกคนจะรู้จักกันดีในนามสวิส!
สวิสเป็นประเทศที่ธรรมชาติวยทีุ่ดในโลก ไม่ว่าจะไปเมืองไหน ถนนเ้นไหน เราก็จะพบกับธรรมชาติที่มหัศจรรย์จริงๆ 
  • ผู้คนน่ารัก ใจดีและพร้อมที่จะยิ้มให้กับนักท่องเที่ยวเมอ 
  • ความซื่อัตย์ ความมีวินัย มาเป็นที่หนึ่ง ถนนทุกเ้นจะไม่มีเียงแตร และไม่มีการเปิดกระจกมาด่า ไม่มีอาวุธใดๆในรถ มีแต่ความเอื้อเฝื้อต่อเพื่อนร่วมถนน เมื่อรู้ว่ารถทางเลี้ยวมา รถทางตรงจะหยุดทันที 
  • การทักทายของคนสวิส จะใช้การทักทายโดยการกอดหรือเอาแก้มชนกัน ไม่มีการเขินอายหรือหวงตัว เพราะนี่คือวัฒนธรรม 
  • อาหารการกิน คนสวิสจะเน้นกินเนื้อหมูและเนื้อวัวเป็นหลัก แต่จะไม่ค่อยกินปลา เพราะคนสวิสถือว่าปลาไม่ไช่อาหารของเขา
  • น้ำดื่ม คนสวิส่วนใหญ่จะดื่มน้ำจากก๊อกน้ำ เพราะน้ำที่นี่ะอาดมาก!!!!! แต่คน่วนใหญ่มักจะดื่มเบียร์แทนน้ำ หรือไม่ก็จะดื่มน้ำที่มีแก๊เพื่อให้อาหารที่ทานเข้าไปย่อยได้ง่ายขึ้น 
  • ผู้ชายสวิส่วนใหญ่จะเข้าครัว และผู้หญิงจะทำงาน ซึ่งตรงข้ามกับประเทศไทย เพราะฉะนั้นผู้ชายจะทำอาหารเป็น
  • เรื่อง Sex คนที่นี่จะถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนประเทศไทย 
  • การเดินทางที่สวิสะดวกบายมาก แต่ค่าครองชีพอาจไม่เป็นมิตรกับคนไทยแบบเราเท่าไหร่ เพราะมันแพงมาก ค่ารถไฟก็แพง เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยว่วนใหญ่ที่มาจะต้องทำ swiss pass ซึ่งราคาก็แพงเช่นกัน แต่คนสวิสจะมี Half fare card กัน ามารถเอาไปลดครึ่งราคาำหรับตั๋วรถไฟหรือบัได้ 
  • ประเทศสวิสจะไม่ค่อยมีอุบัติเหตุเพราะคน่วนใหญ่เคารพกฎจราจรกัน 
  • การเดินทางภายในเมืองามารถขึ้นทรัมได้ รถทรัมก็เหมือนรถไฟแต่วิ่งแค่ในเมืองนั้นๆ 
  • ถ้าพูดถึงการื่อาร ประเทศสวิสจะมีทั้งหมด 4 ภาษา คือ สวิส-เยอรมัน, ฝรั่งเศ, อิตาลี และอีกหนึ่งภาษาน่าจะเป็นภาษาพื้นฐานของสวิส ขึ้นอยู่กับว่าเมืองไหนติดชายแดนประเทศอะไร เช่น คน Basel จะพูดภาษาสวิส - เยอรมัน, Lugano จะพูดอิตาลี 
  • ด้านความปลอดภัย สวิสมีเต็มร้อย อาชญากรรมเป็นศูนย์ 
  • สภาพอากาศแต่ละเมืองย่อมแตกต่างกันไป ถ้าตอนเหนือหนาว ทางตอนใต้จะมีฝน ลับกันเป็นช่วงๆ แล้วแต่ดวงว่าใครได้มาช่วงไหน ธรรมชาติก็จะแตกต่างกันไปตามภาพอากาศ

ถ้าพูดถึงการเดินทางมายุโรปครั้งนี้ เป็นการเดินทางที่นุกและมีความุขมากๆ มันเป็นชีวิตของเราจริงๆ ทำให้รู้ว่าเรารักตัวเองมากแค่ไหน มีคนเคยบอกว่า ถ้าอยากรู้จักใคร ให้ออกเดินทาง ก็เลยอยากรู้จักตัวเอง บางครั้งก็หงุดหงิดตัวเอง โมโหตัวเอง ด่าตัวเองบ้างเวลาขึ้นรถไฟผิด ชมตัวเองบ้างเวลาไปถึงจุดหมาย ทะเลาะกับตัวเองเกือบทุกวัน แต่ยังดีที่มันเถียงกลับหรือด่ากลับไม่ได้ ทุกอย่างๆที่เกิดขึ้นมันทำให้เราหลงรักตัวเองมากขึ้นทุกๆวัน อยากจะดูแลตัวเอง ทะนุทนอมให้ดีทีุ่ด
และขอบคุณสวิสเซอร์แลนด์ที่ทำให้เราเป็นคนที่แกร่งขึ้น กล้าขึ้น ขอบคุณทุกๆประบการณ์ที่อนให้ชีวิตเรามีความหมาย.....!! แล้วเจอกันใหม่ในประเทศต่อๆไป